อวสานฝันร้าย 7 ปี นับตั้งแต่ที่ลงเล่นเกมฟุตบอลนัดแรกแบบไม่เป็นทางการเมื่อปี 1986 และแบบเป็นทางการในปี 1990 ซาน มาริโน่ ก็ถูกมองว่าเป็นเหมือนทีมแจกแต้มในสายตาของหลายคน ด้วยความที่เดิมทีประเทศของพวกเขาก็ไม่ใช่ประเทศที่ใหญ่มากเท่าไหร่อยู่แล้ว และฟุตบอลก็ไม่ใช่ของขึ้นชื่อของประเทศจนทำให้พวกเขาไม่ได้มีนักเตะชื่อดังมากนัก
ถ้าจะให้ยกตัวอย่างง่ายๆ ก็คือในประวัติศาสตร์ของพวกเขานั้น ทีมชุดใหญ่ของ ซาน มาริโน่ สะกดคำว่า “ชนะ” เจอแค่ครั้งเดียว นั่นคือวันที่ชนะ ลิคเท่นสไตน์ 1-0 ในเกมอุ่นเครื่องเมื่อปี 2004 ขณะที่ปัจจุบันพวกเขาก็แพ้มาแล้วถึง 14 นัดติดต่อกันในทุกรายการ โดยหนึ่งในนั้นคือการแพ้ อังกฤษ 0-10 ในเกม ฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือก รอบแบ่งกลุ่ม
ทั้งนี้ ทีมรุ่นอายุไม่เกิน 21 ปีของ ซาน มาริโน่ ก็มีชะตากรรมที่คล้ายๆ กัน เพราะตลอดช่วงที่ผ่านมาเวลาเจอกับใครก็ตามพวกเขาก็มักจะโดนคู่แข่งข่มซะมิดพร้อมกับต้องกลับบ้านพร้อมกับความพ่ายแพ้ แต่ล่าสุดพวกเขาตื่นจากฝันร้ายได้ในระดับหนึ่งแล้วเมื่อสามารถหยุดสถิติการแพ้ติดต่อกันที่ยืนยาวมานาน 7 ปีลงได้
เมื่อวันที่ 29 มีนาคม ที่ผ่านมา ซาน มาริโน่ เปิดสนาม สตาดิโอ โอลิมปิโก้ ดิ แซร์ราวัลเล่ เจอกับ ลัตเวีย ในเกม ยูโร 2023 รุ่นอายุไม่เกิน 21 ปี รอบคัดเลือก กลุ่ม บี ซึ่งมันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกที่หลายคนจะไม่สนใจเกมนี้มากเท่าไหร่ เพราะนี่เป็นการเจอกันของบ๊วยกับรองบ๊วยของกลุ่ม โดยอันดับสุดท้ายก็ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นเจ้าถิ่นเอง จากการที่พวกเขาแพ้มาทั้งหมด 7 นัดก่อนหน้านี้
ในนัดแรกที่เจอกันนั้น ลัตเวีย เปิดบ้านชนะอีกฝ่ายไป 2-0 เมื่อช่วงเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ซึ่งนั่นเป็นเกมเดียวที่ ลัตเวีย มีแต้มจากการลงเล่นรอบคัดเลือกของ ยูโร 2023 ก่อนจะถึงนัดล่าสุด ถึงแม้ในครั้งนี้ ซาน มาริโน่ จะได้เล่นในบ้านของตัวเอง แต่หลายคนก็มองว่าพวกเขามีโอกาสที่จะแพ้เป็นนัดที่ 9 สูงอยู่ดี เพราะขุมกำลังโดยรวมดูเป็นรองอีกฝ่ายพอตัว
ยิ่งไปกว่านั้นก็คือก่อนจะถึงเกมเมื่อวันที่ 29 มีนาคม ที่ผ่านมา ทีมรุ่นอายุไม่เกิน 21 ปีของ ซาน มาริโน่ ก็เจอแต่คำว่า “ปราชัย” มาตลอด 7 ปี คิดเป็นการแพ้ทั้งหมด 35 นัดติดต่อกัน ครั้งล่าสุดก่อนหน้านี้ที่ทีมรุ่นอายุไม่เกิน 21 ปีของ ซาน มาริโน่ รอดจากการพ่ายแพ้คือเกม ยูโร 2017 รอบคัดเลือก วันที่พวกเขากลับมาจาก เอสโตเนีย ด้วยการเสมอกัน 0-0
ในช่วง 7 ปีที่ผ่านมานั้น ความพ่ายแพ้ของ ซาน มาริโน่ มีทั้งการพ่ายแบบไม่ขาดลอย ไปจนถึงการปราชัยแบบสู้ไม่ได้ อย่างเช่นการแพ้ สเปน คาบ้าน 0-7, พ่าย เยอรมนี 0-6, แพ้ เยอรมนี แบบหมดรูป 0-10 รวมถึงการแพ้ สาธารณรัฐเช็ก ด้วยสกอร์ 0-6 ถึง 2 นัด เป็นต้น
กระทั่งเมื่อวันที่ 29 มีนาคม ที่ผ่านมา แม้ว่า ลัตเวีย จะมีโอกาสทำประตูมากถึง 11 ครั้ง มากกว่าฝั่ง ซาน มาริโน่ ที่มีจังหวะลุ้นประตูเพียงแค่ 5 หน แต่เจ้าถิ่นก็ยืนยัดต่อสู้ได้อย่างน่าประทับใจก่อนที่พอจบ 90 นาทีแล้วนั้น สกอร์จะจบลงที่การเจ๊ากันแบบไร้สกอร์ และเป็นการยุติการพ่ายติดต่อกันอันยาวนานของ ซาน มาริโน่ ลงได้สักที พรัอมกับทำให้พวกเขาได้คะแนนแรกในการเล่นรอบคัดเลือกหนนี้
“เป็นผลการแข่งขันที่น่าเหลือเชื่อของทีมรุ่นอายุไม่เกิน 21 ปีของ ซาน มาริโน่ จริงๆ”‘ แอคเคาท์ ทวิตเตอร์ ของแฟนบอล ซาน มาริโน่ กล่าวแบบติดตลก “เกมกับทีมรุ่นอายุไม่เกิน 21 ปีของ ลัตเวีย จบลงที่การเสมอกัน 0-0 อนาคตของเราสดใสกว่าหัวล้านของ จานนี่ อินฟานติโน่ ซะอีก ฟอร์ซ่า ไททานี่ (ฉายาของ ซาน มาริโน่)”
แน่นอน ในอีกมุมหนึ่งนั้น ซาน มาริโน่ ก็ยังถือว่ามีจุดที่สามารถทำได้ดีกว่านี้อีก นั่นคือเรื่องการทำประตู เพราะการเสมอกับ ลัตเวีย 0-0 ทำให้เท่ากับว่าตอนนี้ทีมรุ่นอายุไม่เกิน 21 ปีของพวกเขาทำประตูไม่ได้มาเกือบ 5 ปีเต็มเข้าไปแล้ว ประตูสุดท้ายที่ทีมรุ่นเด็กของ ซาน มาริโน่ ทำได้ต้องย้อนไปถึงวันที่แพ้ เช็ก 1-3
เมื่อช่วงเดือนพฤศจิกายน ปี 2017 หรือคิดเป็นจำนวนนัดที่ 23 เกมติดต่อกัน ซึ่งคนล่าสุดที่ทำประตูให้กับทีมรุ่นอายุไม่เกิน 21 ปีของ ซาน มาริโน่ ได้นั้น คือ อเลสซานโร่ ดิ อัดดาริโอ โดยปัจจุบันเขามีอายุ 24 ปี และขึ้นไปเป็นตัวหลักในทีมชุดใหญ่ได้แล้ว
อย่างไรก็ตาม มันก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าอย่างน้อยผลเสมอในครั้งนี้ก็น่าจะทำให้คนในวงการฟุตบอลของ ซาน มาริโน่ ชื่นใจได้ในระดับหนึ่ง และต้องมารอดูกันว่าทีมรุ่นอายุไม่เกิน 21 ปีของ ซาน มาริโน่ จะสามารถหาชัยชนะนัดที่ 4 ในประวัติศาสตร์ของทีมกับการลงเล่นเกม ยูโร รอบคัดเลือก ได้เมื่อไหร่
ติดตามข่าวกีฬาทุกวันได้ที่เว็บ : บาคาร่า AE SEXY
แหล่งที่มา : siamsport.co.th
